เหรียญตรีนครา เนื้อทองแดงรมดำ พระฤาษีปู่แก้วปฐมมุนี จ.ลพบุรี ปี2557
เหรียญตรีนครา-พญานาค สิ่งมงคล พระฤาษีปู่แก้วปฐมมุนี
นับพันปีที่มนุษย์มีความเกี่ยวข้องกับกึ่งเทวดาเรียกว่า พญานาค ความเชื่อและเหตุผลอันอัศจรรย์ต่างมีเรื่องเล่าขานอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะบริเวณแถบลุ่มแม่น้ำโขง มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น มีร่องรอยของพระยานาคปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ เช่นบริเวณหน้าบ้าน หน้าฝากระโปรงรถ หรือล่าสุดเกิดขึ้นบนหน้าต่างโรงแรมหรูในจังหวัดหนองคาย รวมทั้งบั้งไฟพญานาค ที่เกิดขึ้นทุกปีที่หลักการทางวิทยาศาสตร์ ยังหาข้อสรุปไม่ได้
ไม่นานมานี้ก็มีความมหัศจรรย์เกี่ยวกับพญานาคขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีการค้นพบ เกล็ดพญานาค ที่เคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิตจริงๆ
เมื่อได้มีการสืบค้นพบว่าเกล็ดพญานาคดังกล่าวนั้นอยู่ในความครอบครองของ ฤาษีปู่แก้วปฐมมุนี แห่งอาศรมปู่แก้วบ้านโพธิ์ตรุ ต.บ้านเบิก อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
เมื่อได้ซักถามที่มา ฤาษีปู่แก้วปฐมมุนี เล่าว่า ช่วงที่ยังเป็นสามเณรภาคฤดูร้อนช่วงเดือนเมษายน ขณะอยู่ที่โรงเรียนเบญจมะมหาราชานั้น จะเดินทางไปที่แถวโขงเจียมกับพระอาจารย์ผู้ที่จะพาคณะไปธุดงค์จนถึงหมู่บ้านที่อยู่ ติดริมน้ำโขง ซึ่งไปด้วยกัน 12 รูป โดยมีพระภิกษุ 4 รูป สามเณร 7 รูป จึงขอพระพี่เลี้ยงไปปักกรดอยู่แถวแม่น้ำโขง จึงได้รับอนุญาตให้ไปปักกลด หลังช่วงทำวัตรสวดมนต์นั่งสมาธิเสร็จต่างคนต่างแยกย้ายไปจำวัดในกลด
ช่วงเวลาประมาณ 6 ทุ่มกว่าก็ได้ยินเสียงแม่น้ำโขงดังตูมๆ จึงตกใจลุกออกมาจากกลด เบื้องหน้าที่เห็นอยู่นั้นปรากฏว่าเห็นผู้ชายและผู้หญิงจำนวน 4-5 คนมานั่งที่ริมแม่น้ำ จึงถามว่า มากันทำไมละโยม มีธุระอะไร หรือโยมพากันมาจากไหน แล้วจะไปที่ไหน ผู้ชายคนหนึ่งดูหน้าตาสดใส ดูท่าทางใจดีจึงตอบกลับว่าอยากมาฟังเทศน์ เณรช่วยเทศน์ให้ฟังหน่อย พวกผมมาจากเมืองนาคฟังเทศน์เสร็จก็กลับ
หนังสือฤาษีปู่แก้วปฐมมุนีจังหวะนั้นไม่รู้จะเทศน์อะไรนึก ขึ้นได้ว่าหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเคยเล่าให้ลูกศิษย์ฟังถึงเรื่องพญานาคมาขอบวชกับพระพุทธเจ้า จึงเอาเรื่องนี้มาเทศน์ให้ฟัง โดยเทศน์ว่า ฟังนะโยมพ่อโยมแม่ทั้งหลาย เดี๋ยวเณรจะสาธยายธรรมที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านสอนลูกมา ไม่ใช่ว่าลูกเณรเอามาเล่าเองแต่งเองแต่เป็นเรื่องที่ได้รับการถ่ายทอดมา หลวงปู่มั่นท่านเล่าว่า มีพญานาคตนหนึ่งเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เลยอยากบวชจึงแปลงกายเป็นมนุษย์ไปบวชกับพระในวัดหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่าเป็นพญานาค พอมาถึงกุฏิทีไรก็กลายเป็นพญานาคเหมือนเดิม พอนานเข้าเหล่าพระภิกษุทั้งหลายรู้ จึงไปทูลบอกพระพุทธเจ้าเพราะไม่กล้าไปไล่เอง เกรงกลัวอำนาจของพญานาคตนนั้น พอพระพุทธเจ้าทรงรับรู้แล้วก็เดินมาโปรดพญานาคตนนั้น ก็ยังแปลงร่างเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในรูปพระสงฆ์ พระพุทธเจ้าก็เทศน์โปรดเรื่องการบวชในพระพุทธศาสนาว่า กุลบุตรที่จะมาบวชในพระพุทธศาสนา ต้องเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐเท่านั้น จะเป็นกึ่งเทพกึ่ง*กึ่งคนไม่ได้ถือว่าไม่ครบที่จะบวชยิ่ง กลับเป็นบาปเสียเปล่า จากนั้นพญานาคตนนั้นได้คิดเห็นเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงกลายร่างเป็นพญานาคเหมือนเดิม แล้วเข้าใจในธรรมของพระพุทธเจ้า จึงต้องไปสร้างบารมีความเพียรเพื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ขอบวชใหม่
จากนั้นพระพุทธเจ้าจึงได้ทรงยกย่องพญานาคตนนั้นว่า ขนาดเขาเป็นกึ่ง*กึ่งเทพแล้วเขายังมีศรัทธาอยากจะบวชในพระศาสนา แต่ทั้งที่มนุษย์ยังไม่ค่อยสนใจในพระศาสนาเสียด้วยซ้ำ ต่อไปกุลบุตรใดที่จะเข้ามาขอบวชในพระพุทธศาสนานั้น ให้เรียกว่า นาค เพื่อเป็นอนุสติคุณงามความดีของเหล่าพงศ์วงศ์ของพญานาคนั้น และเป็นเรื่องเล่าของครูบาอาจารย์ที่นำมาเล่าให้บรรดาเหล่าโยมพ่อโยมแม่ฟัง
พอฟังจบต่างก็ทยอยกลับ ที่เห็นคือทุกคนเดินหายลงไปในน้ำเฉยๆ จนคนสุดท้ายก็เอ่ยถามว่า พ่อเณรต้องการอะไรเป็นค่ากัณฑ์เทศน์มีทั้งเงินทองหรือสมบัติอันใด จึงตอบไปว่า ไม่ได้ต้องการอะไร เพียงต้องการให้ท่านทั้งหลายเข้าใจและพิทักษ์รักษาศาสนาให้ได้นานเท่านานก็พอแล้ว จากนั้นชายคนนั้นก็เดินลงน้ำหายไปเฉยๆ แล้วทันใดนั้นก็มีงูเห่าตัวใหญ่มากขึ้น มาจากแม่น้ำโขงในลักษณะเป็นงูเห่าหรือจงอางที่มีหงอนอยู่บนหัวเลื้อยมาใกล้ๆ และถอดเกล็ดแบบงูลอกคราบทั้งตัวนั้นเอง แต่พอลอกคราบเสร็จก็หายไปที่แม่น้ำโขงอีกครั้ง
คราวนี้ก็เป็นชายคนเดิมเข้ามาอีกลอบหนึ่ง แล้วนำเกล็ดพญานาคคราบนั้นเข้ามาถวาย ถวายให้เณรเป็นค่ากัณฑ์เทศน์ สักวันหนึ่งสิ่งนี้จะช่วยท่านสร้างสวรรค์พระศาสนาและถาวรวัตถุสมปรารถนา ด้วยเหตุนี้ก็รับเกล็ดนั้นมา
เกล็ดพญานาค ปัจจุบัน ฤาษีปู่แก้วปฐมมุนีได้เก็บรักษาไว้ และเป็นที่มาของการจัดสร้างวัตถุมงคล เหรียญตรีนครา เพื่อมอบให้กับลูกศิษย์ลูกหาบูชาพร้อม หนังสือฤาษีปู่แก้วปฐมมุนี